วัดโพธิ์รัตนาราม (วัดโพธิ์คู่)
อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
วัดโพธิ์รัตนาราม (วัดโพธิ์คู่)
อุโบสถสแตนเลส วัดโพธิ์รัตนาราม เป็นอุโบสถหลังที่ 2 ของเมืองไทยที่หุ้มด้วยสแตนเลสทั้งหลัง (หลังแรกอยู่ที่ วัดป่าลำขาแข้ง จ.กาญจนบุรี) อุโบสถกรุด้วยสแตนเลสทั้งด้านนอกและด้านใน วัดโพธิ์รัตนาราม ก่อตั้งขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2485) แต่เดิมอุโบสถสร้างด้วยอิฐและปูน สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2509 ปัจจุบันบูรณะใหม่ด้วยการหุ้มสแตนเลสครอบหลังเดิมทั้งหลัง โดยใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท วัดโพธิ์รัตนาราม ชาวบ้านมักเรียก “วัดโพธิ์คู่” เนื่องจากในสมัยก่อนมีต้นโพธิ์ขึ้นคู่กันอยู่หลายคู่ วัดโพธิ์รัตนาราม ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นวัดหลักของตำบลปากแรต ตั้งบนพื้นที่ 15 ไร่ มีพระปางปาลิไลยก์ เป็นที่นับถือและกราบไหว้ของชาวพุทธเมื่อเดินทางมายังวัดแห่งนี้ อนุสรณ์เตือนใจสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
(พระปางปาลิไลยก์ เป็นพระพุทธรูปอยู่อิริยาบถประทับนั่งบนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ซ้ายขวาวางคว่ำบนพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ขวาวางหงายบนพระชานุ มีรูปช้างหมอบใช้งวงจับกระบอกน้ำ และ อีกด้านหนึ่งมีลิงถือรวงผึ้งถวาย มีประวัติและความสำคัญตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า ในสมัยพระพุทธองค์เกิดเหตุการณ์แบ่งฝ่ายของพระภิกษุและชาวบ้านเป็น 2 ฝ่าย พระปางปาลิไลยก์จึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถืงการขาดความสามัคคีและการทะเลาะวิวาท ซึ่งก็เป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า วัดโพธิ์รัตนารามได้สร้างพระปางปาลิไลยก์องค์นี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สอดคล้องกับสถานการณ์ในสมัยพระพุทธองค์ในครั้งนั้น เป็นเครื่องเตือนใจให้กับการทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน)
ข้อมูลสถานที่
- ชื่อ : วัดโพธิ์รัตนาราม (วัดโพธิ์คู่)
- ประเภท : วัด
- จุดเด่น : อุโบสถสแตนเลส , พระปางปาลิไลยก์
- ที่อยู่ : หมู่ที่ 5 ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
- GPS : 13.839335103428 / 99.88648932933802
- เปิดเข้าชม : 8.00 – 18.00 น.
- ค่าเข้า : ฟรี
- สถานที่จอดรถ : กว้างขวาง
ภาพถ่าย
แผนที่
GPS : 13.839335103428 / 99.88648932933802
ประวัติวัดโพธิ์รัตนาราม (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)
- ประวัติความเป็นมาของวัดโพธิ์รัตนาราม เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2485 ซึ่งตรงกับปีที่ประเทศสยามของเราเกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณวัดดอนตูมเป็นที่ตั้งค่ายทหารญี่ปุ่นและเฉลยต่างชาติเป็นจุดยุทธศาสตร์ของ ข้า ศึกทำให้พระภิกษุสามเณรไม่ปลอดภัยทั้งทางบกและทางอากาศท่านพระครูปัญญาธิการ(หลวงพ่อเต่า) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสพร้อมด้วยพระครูโสภณรัตนากร(หลวงพ่อเพิ่ม)รองเจ้าอาวาส ท่านทั้งสองได้พาพระภิกษุ สามเณรอพยพหลบหนีภัยสงครามมาสร้างกุฎิมุงหลังคาด้วยจากหลังเล็กๆ เพื่ออา ศัยจำพรรษาเป็นการ ชั่วคราวในที่ของวัดโพธิ์รัตนารามปัจจุบัน ซึ่งเดิมทีเป็นป่าละเมาะและเป็นที่ลุ่มไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่
- ต่อมาใน ปีพ.ศ. 2487 เมื่อสงครามเลิกพระภิกษุสามเณรก็กลับวัดดอนตูมตามเดิมในระหว่างที่พระภิกษุสามเณรพัก อาศัยในช่วงเวลาที่เกิดสงครามอยู่นั้น ชาวบ้านเห็นความสะดวกในการทำบุญตักบาตรซึ่งมีจิตศรัทธาร่วม แรงร่วมใจกันสละทรัพย์สินซื้อ ที่ดินบริเวณนั้นเป็นเนื้อที่ 26ไร่ 3 งาน เพื่อสร้างที่พักสงฆ์ต่อมาชาวบ้านจึง ได้ไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาโดยให้ชื่อว่า “ที่พักสงฆ์โพธิ์คู่” ระหว่างนั้นมีหลวงพ่อหมอกเป็นเจ้าสำ นัก
- ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2500 สำนักสงฆ์โพธิ์คู่ ได้เปลี่ยนฐานะ เป็นวัดโพธิ์รัตนาราม มาจนถึงปัจจุบัน ส่วน มากชาวบ้านมักจะเรียกว่า วัดโพธิ์คู่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศัก ราช 2504 และที่กว้าง 20เมตร ยาว 31.50 เซนติเมตรและได้ประกอบพิธีผูกพันธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต เมื่อปีพุทธศักราช 2509 ปัจจุบันพระอุโบสถได้ทำการบูรณะใหม่ ในรูปแบบสแตนเลสคือกุนอกและกุในด้วย สแตนเลส กำแพงแก้วก็หุ้มด้วยสแตนเลสทั้งหมดงบประมาณ 15 ล้านบาท
- ในปีพุทธศักราช2500ในปีที่ได้เป็นวัดนั้นระหว่างนั้นพระอธิการไปล์เป็นเจ้าอาวาสได้สร้างศาลาการเปรียญ ขึ้น 1 หลัง เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น กว้าง 15.50 เมตร ยาว 17 เมตร ปัจจุบัน ได้ผุพังไปตามกาลเวลาและได้ทำ การรื้อถอน ในปีพุทธศักราช 2542 และได้ทำการสร้างขึ้นใหม่ กว้าง 24 เมตร ยาว 30 เมตร โดยใช้ชื่อว่า ศาลาศรัทธาประชาสรรวค์และได้ทำการฉลองไปเมื่อวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2544
ในปีพุทธศักราช 2500 นั้น หลวงพ่อไปล่ยังได้สร้าง มณฑปประดิษฐาน พระป่าเลไลย์อีก 1 หลัง กว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตรปัจจุบันนี้ทางกรรมการวัดได้ทำการบูรณะใหม่ขึ้นมาแทนหลังเก่ากว้าง 11.05 เมตร ยาว 13.05 เมตร ใช้เวลาการสร้างในเวลา 3เดือนใช้งบประมาณในการบูรณะทั้งสิ้น 536,334 บาทสร้าง แล้วเสร็จในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549
- ต่อมาในปีพุทธศักราช 2501โดยการนำของพระครูโสภณรัตนากรและหลวงพ่อไปล่พร้อมด้วยบ้านหนองปลาตองช่วยกันสละทรัพย์สร้างโรงเรียนขึ้นมา 1หลังแบบอาคารชั้นเดียวมี 4ห้องเรียน(ประถมปีที่ 1-4) และมีมุขหน้า 1 ห้องรวมเป็น 5 ห้อง สร้างด้วย เงินชาวบ้านทั้งหมด 55,500 บาทรวมค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 100,000 บาท และจัดพิธีเปิดป้ายอาคารเรียน เมื่อวันที่ 15มิถุนายน พ.ศ. 2505 โดยมีหลวงพ่อเพิ่มและ หลวงพ่อไปล์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และนายอำเภอบ้านโป่งเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนที่ชื่อ “โรงเรียน วัดโพธิ์รัตนาราม” หลังจากนั้นอีกไม่นาน หลวงพ่อไปล์ ท่านได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็นสมภาร แล้ว กลับไปจำพรรษาที่วัดท่าพระเขตภาษีเจริญกรุงเทพและมรณภาพที่นั้น
- สรุปได้ว่าหลวงพ่อหมอกเป็น เจ้าสำนักสงฆ์โพธิ์คู่ได้ 5 ปีจากปี 2485-2490 จากนั้น หลวงพ่อไปล่ก็เป็น เจ้าอาวาส จนได้ตั้งวัด และได้ขอวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2504 สุดท้ายท่านก็สร้างโรงเรียนวัดโพธิ์รัตนา รามแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2505จากนั้นท่านก็กลับวัดท่าพระอันเป็นภูมิลำเนาเดิมของท่าน รวมแล้วท่านเป็นเจ้าอาวาสที่ วัดนี้ได้ 15 พรร ษา จากปี พ.ศ. 2490-2505 เมื่อวัดว่างจากสมภารไม่นานชาวบ้านก็ได้นิมนต์พระสมุห์ทองใบ(ไม่ทราบ ฉายา) มาจากนนทบุรี มาดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสช่วงนั้น นับว่าเป็นบุญต่อ วัดโพธิ์คู่เป็นอย่างมากที่ได้ สมภารเก่ง และเป็นที่ศรัทธาแก่ญาติโยมในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก ท่านเห็นว่าทางวัดได้ขอวิสุงคามสีมาไว้ แล้วแต่ยังไม่ได้สร้างอุโบสถท่านจึงได้ริเริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2507 มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2508 ปิดทอง ฝังลูกลูกนิมิตในปีพ.ศ. 2509ต่อมาในปี พ.ศ. 2517ท่านได้ลาสิกขาต่อมาชาวบ้าน(น่ายห่อ ยืนนาน) ได้ไปนิมนต์พระวิชัย(ไม่ทราบฉายา)มาเป็นสมภารต่อจากพระสมุห์ทองใบแต่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียวก็เกิดมีปัญหาและท่านได้ลาออกจากวัดไปในปี พ.ศ. 2514 และในปีเดียวกันนั้นก็ได้หลวงพ่อหลงมาเป็นสมภารแต่ก็ อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็มรณาพ
- ต่อมาปี พ.ศ. 2516 ก็แต่งตั้งพระอธิการคง จิตตคโมเป็นเจ้าอาวาสและ หลวงพ่อคงรูปนี้ท่านเป็นพระท้องถิ่นคือบ้านท่านอยู่ข้างวัดนี้เอ’หลวงพ่อคง ท่านเป็นพระชอบธุดงค์เข้าป่าแสงหาครูบาอาจารย์ที่เก่ง เพื่อไปเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ ต่อมา ท่านก็สร้าง วัตถุมงคลไว้หลายอย่าง เช่น ปลัดขิก พระสมเด็จ ด้านหลังเป็นจิ้งจกสองหาง และชนิดที่ เป็น เหรียญ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2520 ต่อมาประมาญในปี พ.ศ. 2530 ท่าน ได้วางรากฐานศาลาการเปรียญ ขึ้น 1 หลัง แต่ไม่แล้วเสร็จท่านก๊มรณภาพเสียก่อน ใน พ.ศ. 2535 ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันทางวัดดอนตูม โดยหลวงพ่อพระครูอินทคุณาวสัย (เจ้าอาวาสวัดดอนตูม)และเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านโป่ง ต. สวนกล้วย ต.ปากแรต ท่านก็ได้ส่งพระอาคมอานันโทมารักษาการเจ้าอาวาสวัดโพธิ์รัตนารามแต่ก็อยู่ ได้เพียงเดือนเดียวก็ลาออก เพราะท่านมีสำนักของท่านอยู่แล้ว คือ วัดปากลำขาแข้งจ.กาญจนบุรีเมื่อพระ อาคมอานันโทลาออก หลวงพ่อพระครูอินทคุณาวสัย ได้พิจารณารูปใหม่ขึ้นมาแทนที่ จึงเห็นสมควร แก่ หลวงพ่อจรูญ อุชุจาโร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสกิจการสงฆ์ท่านได้สานต่อสร้างศาลา (คงประชา ศรัทธา) จนแล้วเสร็จและสร้างหอสวดมนต์ ญ.สส ขึ้นอีก 1 หลัง และศาลาศรัทธาประชาสวรรค์ และ หอ ระฆังประทับตราสัญลักษณ์ 50 ปี ครองราชย์ และ กุฎิ เจ้าอาวาสอีก 1 หลัง และซุ้มประตูวัดพร้อมแก้ว และปัจจุบัน นี้กำลังทำการ บูรณะอุโบสกด้วยสแตนเลสพร้อมกำแพงแก้วกำหนดแล้ว เสร็จสมบูรณ์ ประ มาณ ปี พ.ศ. 2553